4 สิ่งที่ห้ามทำ!! ถ้าอยากโน้มน้าวคนเก่ง

“ทำไม่ได้หรอก” เหนื่อยทุกครั้งที่เจอคนทำงานพูดแบบนี้ จะบังคับก็เขาก็ไม่ทุ่มเท จะปล่อยไปก็ไม่ได้ผลลัพธ์
 วิธีเดียวที่เราทำได้คือการเปลี่ยนที่ความเชื่อของเขา

ถึงแม้ว่าทักษะการโน้มน้าวเป็นสกิลที่สมัยนี้ใคร ๆ ก็ต้องการ ไม่ว่าจะเพื่อสร้างยอดขาย เพื่อปั้นทีมงานที่เก่ง หรือแม้แต่เพื่อสร้างผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่ต้องการจะมี…

การเป็นนักโน้มน้าวที่เก่งจำเป็นต้องอาศัยความอดทน และควรเข้าใจกระบวนการสื่อสารที่แตกต่างของแต่ละคน คนที่สามารถยืดหยุ่นการแสดงออกของตัวเองได้มากกว่าก็ได้เปรียบกว่า ซึ่งฟังดูเหมือนไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรเลี่ยงถ้าคุณอยากโน้มน้าวคนเก่ง ไม่อย่างนั้นแทนที่จะเปลี่ยนใจใครได้ คุณอาจจะโดนอีกฝ่ายสวนกลับมาจนเสียหน้าก็ได้

และนี่คือ 4 สิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยง

1. วางท่าที่เหนือกว่าอีกฝ่าย

ไม่มีใครอยากรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย การที่เราต้องการโน้มน้าวเพื่อซื้อใจใครสักคน วิธีที่ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกด้อยค่าคือสิ่งสุดท้ายที่ควรทำ ไม่ว่าจะเป็นการแสยะยิ้ม การจ้องมองด้วยสายตาตัดสิน หรือแม้แต่การใช้คำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายดูไม่มีทางเลือก วิธีการนี้จะทำให้อีกฝ่ายกลับรู้สึกต่อต้านและไม่อยากยื้อบทสนทนานี้ต่อ

2. สาดอารมณ์ด้านลบ

คนที่น่าเชื่อถือและเป็นนักโน้มน้าวที่เก่ง คือคนที่มีวุฒิภาวะในด้านการจัดการอารมณ์ สามารถพูดคุยกับคนที่มีความคิดต่างกันได้โดยใช้การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในขณะเดียวกันการสาดอารมณ์ใส่อีกฝ่ายมีแต่ก่อให้เกิดความอึดอัด หรืออาจเป็นตัวก่อประกายไฟทำให้อีกฝ่ายโกรธเคืองจนกลายเป็นความขัดแย้งแทนได้

3. เปรียบเทียบของเขาของเรา

การบอกว่าของเขาไม่ของเราได้อาจจะเป็นวิธีที่ดีในมุมของเรา เพราะมันเป็นการสนับสนุนความเชื่อในตัวเราเอง ขณะเดียวกันไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถยอมรับได้ตั้งแต่ประโยคแรกว่าพวกเขาเป็นคนผิด สิ่งที่คุณจะได้จากการทำแบบนี้

4. พยายามพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด

วิธีนี้มีตัวอย่างให้เห็นเยอะมากในการรณรงค์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านการกินเนื้อสัตว์ หรือการขับรถใช้น้ำมันที่นักรณรงค์ทั้งหลายใช้คำพูดบีบคั้นเพื่อให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกผิด เช่น “คุณมีความสุขดีกับการทรมานพวกสัตว์มาเป็นอาหารใช่ไหม?”, “คุณโอเคเหรอที่ขับรถน้ำมันแล้วก็ทำให้โลกร้อน?” แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายที่ได้ยินแบบนั้นเลือกที่จะต่อต้านและปฏิเสธที่จะฟังมากกว่าเดิม ก็คล้าย ๆ กับข้อที่แล้ว ไม่มีใครอยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดและรับบทผู้ร้าย