เหตุผลที่องค์กรยุคใหม่ควรมีสวัสดิการด้านจิตใจ
ยาวไปเลือกอ่าน 📖
ถ้าอยากจะสร้างองค์กรที่แข็งแรง และเติบโตได้ดี การสร้างทีมคือความท้าทายสำคัญ เพราะการขับเคลื่อนย่อมต้องการพนักงานที่มีคุณภาพมาร่วมเป็นแรงผลักดันให้องค์กรเติบโต
ผู้นำองค์กรหลายคนจะเข้าใจกันดีว่า การหาพนักงานที่มีคุณภาพเหมาะสมกับองค์กรว่าท้าทายแล้ว การรักษาให้อยู่กับทีมของเรานาน ๆ น่าจะเป็นเรื่องที่ท้าทายมากกว่า ซึ่งเหตุผลหลัก ๆ ที่จะทำให้คนทำงานในปัจจุบันตัดสินใจทำงานอยู่กับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ก็คงจะไม่พ้นเรื่อง การเติบโตขององค์กร วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร / เจ้าของ และอีกหนึ่งหัวข้อที่สำคัญก็คือ “สวัสดิการ”
ค่าตอบแทนคือประเด็นหลัก ๆ ที่คนส่วนใหญ่นำมาตัดสินใจเมื่อต้องเลือกบริษัท หรือองค์กรที่จะเข้ามาทำงานด้วย แต่ประเด็นเรื่องสวัสดิการก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจไม่แพ้กัน เพราะคนรุ่นใหม่หลายคนให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตโดยรวมมากขึ้น ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะเลือกทำงานกับองค์กรที่ให้สวัสดีการตรงกับการใช้ชีวิตหรือ Lifestyle ของพวกเขามากกว่า
สวัสดิการทั่วไปที่คนนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ ในการเลือกบริษัท
- สวัสดิการเกี่ยวกับค่าครองชีพ : ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับการเดินทาง บางองค์กรมีสวัสดิการรถรับส่งพนักงาน หรือบางองค์กรอาจจะมีการให้ค่าเดินทางเสริมเข้าไปกับเงินเดือนก็ได้
- สวัสดิการเกี่ยวกับมื้ออาหาร : บางองค์กรก็มีสวัสดิการอาหารฟรีให้แทนระหว่างวัน
- สวัสดิการเกี่ยวกับการสนับสนุนครอบครัว เช่น ค่ารักษาพยาบาล
- สวัสดิการเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง : บางองค์กรให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายของพนักงาน ทำให้มีนโยบายเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพไม่ว่าจะเป็น สวัสดิการสนับสนุนค่าสมาชิกฟิตเนสรายเดือน หรือบางองค์กรอาจจะมีพื้นที่สำหรับออกกำลังกายในตัวก็มี
- สวัสดิการในการพัฒนาตัวเอง : แน่นอนว่าการพัฒนาตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าหากว่าคุณเลือกเอาพนักงานคุณภาพเยี่ยมเข้ามาทำงานในองค์กร การส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้จึงเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่องค์กรชั้นนำหลายองค์กรให้ความสำคัญ
ทำไมต้องมีสวัสดิการด้านจิตใจ ?
ซึ่งสวัสดิการเหล่านี้ไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่จูงใจหลาย ๆ คนที่กำลังพิจารณาสวัสดิการเหล่านี้ให้อยากเข้ามาร่วมงานด้วยกันมากขึ้นเท่านั้น แต่สวัสดิการเหล่านี้แสดงออกถึงวิสัยทัศน์ และการให้ความสำคัญของเจ้าของและผู้บริหารในองค์กรอีกด้วย ซึ่งถ้าหากว่าองค์กรกับให้ความสำคัญตรงกับเรา ก็คงจะไม่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะอยากเข้าไปร่วมงานกับพวกเขา
และแน่นอนว่าสวัสดิการต่าง ๆ เหล่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในหลาย ๆ ด้านแล้ว แต่ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่เชื่อว่าหลายคนจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ และองค์กรส่วนใหญ่ยังไม่มี สวัสดิการข้อนั้นก็คือ “สวัสดิการจิตใจ ”
ข้อดีขององค์กรที่มีสวัสดิการด้านจิตใจ
แน่นอนว่าคนเราก็ย่อมจะอยากอยู่ในพื้นที่ Save zone ของตัวเอง และมักจะ Perform ได้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย หากองค์กรมีสวัสดิการด้านนี้ก็เป็นเหมือนการสร้าง Save zone หรือ พื้นที่ที่พนักงานอยู่แล้วรู้สึกสบายใจในการทำงาน และเป็นการสร้างคุณค่าทางใจให้กับพนักงานอีกด้วย
ยกตัวอย่างองค์กรชั้นนำที่มีสวัสดิการในการดูแลจิตใจที่ดี เช่น
- Chipotle ร้านอาหารแบรนด์ดังฝั่งตะวันตก ที่มีนโยบายสนับสนุนการดูแลจิตใจพนักงานด้วยการ partner กับบริษัทอื่น จึงทำให้พวกเขาสามารถสร้างสวัสดิการให้ได้รับการโค้ชชิ่ง แบบ 1 ต่อ 1 ซึ่งจะเปิดโอกาสให้พนักงานแต่ละคนมีโอกาสได้สื่อสารและได้พัฒนาตัวเองผ่านการโค้ชกับโค้ชมืออาชีพ
- Pinterest ได้มีการตั้งโครงการ Pinside out ที่เน้นไปในเรื่องการสร้างพื้นที่ในการสื่อสารและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่สบายใจทุก ๆ มุมในชีวิต โดยที่ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องการทำงานเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไปเที่ยวกับครอบครัวแฟนที่ทำให้รู้สึกอึดอัด หรือการเรียกร้องสิทธิทางเพศ ผ่านที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากนอกองค์กร
- Google มีโครงการ Employee Assistance Program (EAP) ที่ให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาฟรี นอกจากนี้ยังมีห้องผ่อนคลายและพื้นที่สำหรับการทำสมาธิอีกด้วย
- Unilever มีโครงการ Lamplighter ที่เน้นการดูแลสุขภาพจิตผ่านการให้คำปรึกษา การฝึกสมาธิ และการจัดกิจกรรมเพื่อเสริม Work-Life-Balance
เห็นหลายๆ องค์กรชั้นนำให้ความสำคัญกับการดูแลสภาพจิตใจมากขนาดนี้ จริง ๆ แล้วมีข้อดีซ่อนอยู่อีกมากมายเลยครับ ไม่เพียงแค่ช่วยพนักงาน แต่ยังมีประโยชน์อย่างมากต่อองค์กร
ข้อดีของการมีสวัสดิการด้านสุขภาพจิตใจในองค์กร
สวัสดิการด้านจิตใจ หรือ Mental wellness benefit เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่พนักงานหลายคนอาจจะต้องการมากกว่าที่คุณคิด ไม่ว่าจะเป็นคนอายุเท่าไหร่ หรือเป็นคน generation ไหนก็ตาม อารมณ์และความเครียดเป็นหนึ่งในอุปสรรคของการทำงานอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความเครียดที่เกิดจากความกดดันในการทำงาน หรือความเครียดที่เกี่ยวกับการการทำงานร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับคนในองค์กร หรือร่วมกับคนนอกองค์กร
การมีสวัสดิการที่ดีมีผลในด้านการสนับสนุนเกี่ยวกับสุขภาพจิตใจสนับสนุนการทำงานให้มีความสุขมากขึ้น และทำให้มีแนวโน้มที่จะทำงานเป็นแรงขับเคลื่อนให้กับองค์กรต่อไปได้นานขึ้นด้วย วันนี้ LifeEnricher สรุปข้อดีของการมีสวัสดิการด้านจิตใจมาให้อ่านกันครับ มีอะไรบ้างไปดูกัน!
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน : เมื่อพนักงานมีสุขภาพจิตที่ดีจะมีพลังงาน และสมาธิที่ดีกว่า ทำให้สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์มากขึ้น
- ลดอัตราการขาดงาน และการลาออก : การขาดงาน และการลาออกจะลดลง ทำให้องค์กรมีความเสถียร และลดค่าใช้จ่ายในการหาพนักงานใหม่
- เพิ่มความพึงพอใจ และความผูกพันต่อองค์กร : พนักงานจะรู้สึกว่าองค์กรใส่ใจ และให้ความสำคัญกับเขา ส่งผลให้มีความผูกพันต่อองค์กรมากขึ้น และมีแรงจูงใจในการทำงานเสมือนเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรมากขึ้น
- สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี : วิสัยทัศน์ขององค์กร และผู้นำในองค์กรที่ให้ความสำคัญเรื่องการดูแลจิตใจพนักงาน จะสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตร และมีความเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้นในทีม
- ภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร : ได้รับการยอมรับและมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของทั้งพนักงานและสาธารณชน สามารถช่วยดึงดูดคนเก่งและมีความสามารถมาร่วมงาน
- ลดความเครียด สร้างความมั่นใจให้กับพนักงาน : พนักงานสามารถจัดการกับความเครียด และสามารถ สร้าง Work- Life- Balance ให้กับตัวเองได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ (Self Esteem) และเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะใหม่ๆ ของพนักงานได้ดียิ่งขึ้น
สรุป
ผลตอบรับจากองค์กรชั้นนำหลายองค์กรที่ประสบผลสำเร็จกับการใช้สวัสดิการจิตใจออกมาเป็นทางเดียวกันว่า สภาพจิตใจที่ดีทำให้ทีมทุกคนสามารถรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้ดีขึ้น และทำงานกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นได้ดีขึ้นอีกด้วย ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และนอกจากเนื้องานที่ออกมาดีขึ้นแล้ว อัตราการลาออกขององค์กรที่มีสวัสดิการทางด้านจิตใจลดลงอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ !
หากคุณให้ความสนใจในด้านการพัฒนาบคลากรในองค์กร หรือยกระดับมาตรฐาน Skills ของทีมงานคุณ LifeEnicher เรามีหลักสูตรเฉพาะในด้านการพัฒนาคนมากมาย !
ที่สำคัญ 🎯 หลักสูตรของเราออกแบบ ตามความต้องการหรือปัญหาขององค์กรคุณได้เลยนะ!
👥 หลักสูตรการอบรมพนักงานภายในองค์กร มีอะไรบ้าง?
- Unleash the Leadership Potential : หลักสูตรนี้ออกแบบมาเพื่อปลดล็อกศักยภาพผู้นำในตัวคุณ และพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม เพื่อผลักดันองค์กรไปข้างหน้า
- พัฒนาทักษะการโค้ช
- พัฒนาทักษะจิตวิทยาสำหรับผู้นำระดับสูง
- พัฒนาทักษะการบริหารคน
- พัฒนาผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นความร่วมมือกันในทีม
- Effective Communication Skills for Influence and : หลักสูตรนี้ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างทักษะการสื่อสาร ที่ไม่เพียงแต่ทำให้คุณสื่อสารได้ยอดเยี่ยม แต่ยังช่วยให้คุณสามารถสร้่าง Impact และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้ในระยะยาว
- พัฒนาทักษะการฟังเชิงลึก
- พัฒนาทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการวิเคราะห์คนแต่ละประเภท
- การจัดการความขัดแย้งในองค์กร
- พัฒนาทักษะการเจรจาต่อรอง
- Effective Communication Skills for Influence and : หลักสูตรนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยเรื่องการจัดการความเครียด การจัดการณ์อารมณ์อย่างมีประสิทธิภาพ และการทำงานอย่างมีความสุข
- พัฒนาทักษะการเท่าทัน และจัดการอารมณ์ ลดความเครียด และความวิตกกังวล
- สร้างความสงบในจิตใจ และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- กระตุ้นและพัฒนาทีมงานด้วย EQ
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หรือช่องทางการติดต่อด้านล่าง
โทร : 0936955699 (คุณจีจี้) / 0949994922 (คุณเฟียส)
บทความที่เกี่ยวข้อง