คุณเป็นคนคิดบวกที่ไม่มีความสุขอยู่ใช่ไหม?

ยาวไปเลือกอ่าน 📖

คุณเป็นคนคิดบวกที่ไม่มีความสุขอยู่ใช่ไหม? คุณคงเคยได้ยินคำพูดแบบนี้กันบ่อยๆ “คิดบวกสิ แล้วชีวิตจะดีขึ้น” ใช่ไหมครับ?

 

ไม่ว่าจะจากเพื่อน ญาติ หรือคนที่ให้กำลังใจเรา การคิดบวกก็คือการมองโลกในแง่ดี พยายามหาข้อดีในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเราหวังว่ามันจะทำให้เรามีความสุขทุกวัน

 

ลองนึกภาพดูสิ ถ้าเราตื่นมาแล้วรู้สึกดี คิดดี ทั้งวันก็น่าจะแจ่มใส มีความสุข เจออะไรไม่ดีก็รับมือได้ เจ้านายดุก็ไม่เป็นไร งานยุ่งก็ไม่หวั่น ทะเลาะกับแฟนก็คิดว่าเดี๋ยวก็ดีเอง 

 

คงจะดีมากเลยใช่ไหมล่ะครับ ? แต่ทำไมการคิดบวกอยู่ตลอดเวลาถึงทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าและไม่มีความสุขได้

บทความนี้ LifeEnricher มาตกตะกอนจากเนื้อหาบางส่วนของหลักสูตร Emotional Hypnotic Therapy ที่จะพาให้คุณได้สำรวจและโอบรับทุก ๆ อารมณ์ที่เกิดขึ้นกันครับ ✌️

รู้สึกไม่มีความสุข พยายามคิดบวกจนเหนื่อย

เคยสงสัยไหมครับ ? ว่าการคิดบวกมากเกินไป ทำไมถึงกลับกลายเป็นว่ามันทำให้เราเหนื่อย ไม่ว่าจะเหนื่อยจากการที่ต้องพยายามมองโลกในแง่ดีตลอด เหนื่อยที่ต้องหาข้อแก้ตัวให้คนอื่น หรือเหนื่อยที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองออกมา จนบางครั้งมีคำถามสงสัยกับตัวเองว่า “แล้วฉันคิดลบบ้างไม่ได้เหรอ ?”

 

จริงๆ แล้ว การคิดบวกไม่ได้แปลว่าต้องมองทุกอย่างดีไปหมดนะครับ แต่เราควรรู้จักสมดุลระหว่างการคิดบวกและการยอมรับความรู้สึกจริงๆ ของเรา บางครั้งการปล่อยให้ตัวเองรู้สึกไม่ดีบ้างก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์

คุณอาจตั้งใจวิ่งหนีอารมณ์ลบมากเกินไป ❤️‍🩹

สิ่งที่ทำให้คุณไม่มีความสุขอยู่ตอนนี้ อาจเป็นเพราะ คุณวิ่งหนีอารมณ์ลบมากเกินไป

 

สำหรับคนที่พัฒนาตัวเองมาระดับนึงก็มักจะมีเป้าหมายที่อยากจัดการกับความคิดของตัวเองได้ดี เพื่อหาความสุขให้กับตัวเองและคนรอบข้าง และมักคิดว่า “ฉันพัฒนาตัวเองมามากแล้ว ฉันจะต้องคิดบวกให้ได้สิ” ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ตาม

 

 

นั่นเป็นเพราะว่า คุณตัดสินกับตัวเองไปแล้วว่า “อารมณ์ลบ” เป็นสิ่งไม่ดี ซึ่งคุณอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ครับ แล้วคุณก็ตั้งหน้าตั้งตาในการ “วิ่งหนี” มันอย่างสุดกำลังด้วยการ “คิดบวก” เข้าไว้

 

ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนอารมณ์ลบเป็นกระแสน้ำที่พัดเข้ามาหาคุณ แล้วการคิดบวกคือการพยายามว่ายทวนกระแสน้ำนั้นอย่างเต็มกำลัง แน่นอนว่าการว่ายทวนกระแสน้ำก็ต้องทำให้คุณเหนื่อยอยู่แล้ว จริงไหมครับ 😢

 

บางครั้งการที่คุณกำลังหนีอารมณ์บางอย่าง มันอาจจะไม่ใช้ทางออกที่ดีที่สุด เช่น ทะเลาะกับแฟนแล้วหนีไปเล่นเกม หรือทะเลาะกับเพื่อนร่วมงานก็เลือกที่จะหลีกหนีไม่พูดคุย

 

โอมอยากให้ ทุกคนลอง หยุดวิ่งหนีความทุกข์ใน 1 วัน และยอมรับกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา ด้วยเทคนิคตามคลิปนี้เลยครับ 👇🏻

ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนคิดบวกแต่กลับไม่มีความสุขอยู่ ลองปรับวิธีคิดใหม่ดูนะครับ ให้เวลาตัวเองได้รู้สึก ได้เศร้า ได้โกรธบ้าง แล้วค่อยๆ หาทางออกที่ดี นั่นอาจจะทำให้คุณมีความสุขมากกว่าการฝืนคิดบวกตลอดเวลาก็ได้

 

จากสิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมด Key หลักเลยคือ “การเผชิญหน้า หรือยอมรับกับปัญหา และโอบกอดทุก ๆ อารมณ์” เพราะจริง ๆ แล้ว อารมณ์ก็คือเพื่อนแท้ 🙂 ของเรานี่แหละครับ

 

ขออธิบายเพิ่มอีกสักหน่อยละกันนะครับ

ความสุขจะง่ายมากขึ้น ถ้าคุณโอบกอดอารมณ์ลบของตัวเองได้ ❤️‍🩹

หลายคนพอเห็นอารมณ์ลบของตัวเองแล้วมักจะพยายามพาตัวเองออกห่างจาก อารมณ์เหล่านั้น เช่น

  • เมื่อคุณเห็นน้องได้ของขวัญจากผู้ใหญ่ แต่คุณไม่ได้ คุณจะคิดว่า “ฉันต้องไม่อิจฉาน้องสิ ฉันเป็นพี่”
  • เมื่อคุณโดนติเตียนจากเจ้านาย คุณจะพยายามคิดว่า “ฉันต้องไม่โมโหเจ้านายสิ ฉันเป็นลูกน้อง”
  • เมื่อคุณอยากเรียกร้องอะไรบางอย่างจากคนในครอบครัวคุณจะพยายามคิดว่า “ฉันต้องห้ามเอาแต่ใจกับพ่อกับแม่สิ ฉันเป็นลูก”
  • เมื่อคุณรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของแฟน คุณก็จะพยายามคิดว่า “ฉันต้องห้ามโกรธแฟนสิ”

     ความคิดเหล่านี้ที่เกิดขึ้น คุณไม่ได้โอบกอดอารมณ์ด้านลบเหล่านี้ของตัวเองไว้ คุณไม่อยากจะยอมรับว่าตอนนี้ฉันมีอารมณ์เหล่านี้อยู่ การโอบกอดอารมณ์ลบในที่นี้ ไม่ได้แปลว่าเราต้องจมอยู่กับมัน แต่หมายถึงการยอมรับว่าตอนนี้เรากำลังรู้สึกแบบนี้อยู่และผชิญหน้ากับมันได้จริง ๆ

วิธีโอบกอดอารมณ์ลบ ลองทำแบบนี้ดูนะครับ

1. รับรู้ว่าเรากำลังมีอารมณ์ลบ อารมณ์นั้นคืออารมณ์อะไร?

2. ยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเรา เราสามารถมีอารมณ์นี้เกิดขึ้นได้
3. ลองฟังใจเราดี ๆ ว่าอารมณ์นั้นกำลังบอกอะไรเรา ?
4. อยู่กับตัวเอง รับฟังเสียงจากความรู้สึกเราจริง ๆ เพื่อเข้าใจตัวเองมากขึ้น

 

การยอมรับอารมณ์ลบ คือก้าวแรกของการยอมรับตัวเอง แบบที่เราเป็น ถึงเราจะไม่ชอบอารมณ์พวกนี้ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเป็นเรา เพราะทั้งด้านสว่างและด้านมืดในตัวเรา จะช่วยให้เราเข้าใจและพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น

อะไรจะเกิดขึ้น ? เมื่อคุณรู้จักจิตใจของตัวเองอย่างแท้จริง ❤️

เมื่อโอบกอดอารมณ์ส่วนนั้นได้แล้ว นั่นแปลว่า คุณสามารถใช้เวลาตั้งสติและนั่งคุยกับอารมณ์ส่วนนี้ได้ในระดับลึกจริง ๆ

 

ที่ต้องบอกว่าเป็นการคุยระดับลึก เพราะว่า จิตใจของเรามีทั้งระดับจิตสำนึก และจิตใต้สำนึก

 

อ้างอิงจากทฤษฎีภูเขาน้ำแข็งของ Sigmund Freud ภูเขาน้ำแข็งมักจะมียอดเขาโผล่ออกมาเล็กน้อยเท่านั้น และส่วนที่จมอยู่ใต้น้ำจะมีขนาดใหญ่กว่าส่วนที่พ้นน้ำหลายเท่า Freud เปรียบเทียบว่า

 

จิตสำนึก (Conscious) เป็นส่วนที่คนเราแสดงออกมาด้วยความตื่นรู้ หรือรู้ตัว เป็นส่วนเล็กน้อยที่พ้นออกมา

จิตใต้สำนึก (Unconscious) ที่เป็น ความคิดส่วนลึกที่ถูกสั่งสมมาจากประสบการณ์ของเรา และเราจะไม่ได้สามารถควบคุมมันได้

มีความสุขได้ ถ้าจัดการอารมณ์เป็น

ในขณะที่คุณกำลังพยายาม “คิดบวก” ฉันจะต้องเป็นแบบนั้น ฉันจะต้องเป็นแบบนี้ คือการพยายามควบคุมอยู่ในระดับจิตสำนึก ซึ่งเป็นเพียงส่วนน้อยของจิตใจคุณเท่านั้น

 

และการเอาแต่คิดในลักษณะนี้ยังเป็นการพยายามหนีออกห่างจากความคิด และความรู้สึกข้างในจิตระดับจิตใต้สำนึกของคุณอีกด้วย และนั่นจะทำให้คุณเกิดอาการ สมองกับใจไปกันคนละทาง สิ่งที่จะตามมาก็คืออาการเหนื่อย ล้า หมดแรง เพราะคุณกำลังต่อต้านอะไรบางอย่างในตัวคุณอยู่

 

การอนุญาตให้ตัวเองเข้าถึงอารมณ์ต่าง ๆ คือการยอมรับว่า ณ ตอนนี้ กำลังเกิดอารมณ์อะไรขึ้นในตัว คุณกำลังโกรธหรือเปล่า กำลังเสียใจหรือเปล่า กำลังอิจฉาหรือเปล่า อารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ไหน รุนแรงแค่ไหนเมื่อ “เข้าใจและยอมรับ” มันครับ

 

คุณจะรู้สึกขอบคุณอารมณ์เหล่านั้นที่บอกข้อความบางอย่างให้กับคุณ นี้แหละ ที่จะเป็นการหาอารมณ์ลบ หรือความคิดด้านลบของคุณ และทำให้ข้ามฝั่งไปเป็นความ “คิดบวก” ได้อย่างแท้จริง 🎈

สรุป

การคิดบวก ไม่ใช่การพาตัวเองหนีออกจากอารมณ์ลบ ไม่ใช่การห้ามไม่ให้ตัวเองมีอารมณ์ลบ และไม่ใช่การตัดสินว่าอารมณ์ลบนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่การคิดบวกเป็นการเข้าใจ และยอมรับอารมณ์ลบของตัวเอง ซึ่งเมื่อเกิดความเข้าใจ จะทำให้คุณสามารถเรียนรู้ และขอบคุณอารมณ์ลบเหล่านั้นที่สามารถให้อะไรบางอย่างกับคุณได้ และทำให้คุณกลายเป็นคนที่ยอมรับในทุก ๆ ด้านของตัวคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านดี หรือด้านที่ไม่ดีก็ตาม คุณจะสามารถจัดการได้ และเรียนรู้จากมัน

 

นั่นคือ การ “คิดบวก” ที่จะทำให้คุณมีความสุขในทุก ๆ วันอย่างแท้จริง

หลักสูตรสะกดจิตบำบัดอารมณ์ (Emotional Hypnotic Theray) คือสุดยอดเครื่องมือการพัฒนาตัวเองในการโปรแกรมสมอง จิตใต้สำนึก และสภาวะอารมณ์ที่สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่ต้องการในชีวิต เป็นทางลัดสู่การพัฒนาตัวเองเเบบก้าวกระโดด หรืออยากเรียนรู้เกี่ยวกับ NLP เพิ่มเติม  ในหลักสูตรจิตวิทยาสื่อประสาท 7 วันที่พลิกวิธีคิดต่อความสำเร็จ และความสุขในชีวิตของคุณไปตลอดกาลเลยครับ

 

🚀  ใครสนใจเรียนฟรี ! โอมมีสอนหลักสูตรพื้นฐาน (Introduction to EHT)

แจกเทคนิคที่จะทำให้คุณสามารถจัดการความเครียดและความกังวลผ่านศาสตร์การสะกดจิตบำบัด “EHT” ใน 2 ชั่วโมง พร้อม Workshop พิเศษ !!ให้คุณได้สัมผัสการเรียนรู้ที่เข้มข้น และได้พัฒนาด้านอารมณ์ของตัวเองอย่างเต็มที่

Previous slide
Next slide

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  หรือช่องทางการติดต่อด้านล่าง

 โทร  : 0936955699 (คุณจีจี้)  / 0949994922  (คุณเฟียส)